เรื่องย่อหนัง
หนัง I Am Not Your Negro หรือชื่อไทยว่า ไอแอมน็อทยัวร์นิโกร เจมส์ บาลด์วิน กวี นักเขียน และนักต่อสู้ชาวอเมริกันผิวสีขึ้นต้นไว้และไม่เคยมีโอกาสเขียนให้เสร็จสิ้น สู่หนังสารคดีทรงพลังรุนแรงที่สุดเรื่องหนึ่งของปีที่ “จดหมายบันทึกความทรงจำถึงบ้านเกิดเมืองนอนที่ผมทั้งรักทั้งชัง” ดังกล่าว ถูกนำมาถ่ายทอดด้วยเสียงของแซมวล แอล แจ็คสัน และภาพฟุตเทจประวัติศาสตร์ช่วงสำคัญตลอดระยะเวลาการต่อสู้เพื่อเสรีภาพของ มาร์ติน ลูเธอร์ คิง, มัลคอล์ม เอ็กซ์ และเม็ดการ์ เอเวอร์ส ก่อนที่พวกเขาทั้งสามจะต้องจบชีวิตลงด้วยการถูกลอบสังหาร
ตัวอย่างหนังออนไลน์

รีวิวหนัง
I Am Not Your Negro

93 min | Documentary | Directed by Raoul Peck

“บันทึกประวัติศาสตร์ ความโหดร้ายของเพื่อนมนุษย์ โดย James Baldwin”

ผมต้องเกริ่นก่อนเลยว่าสารคดีนี้สร้างพลังและความประทับใจให้ผมเป็นอย่างมาก ผมได้ผ่านการชมหนังที่เล่าถึงความยากลำบากของชาวผิวสี หรือชนกลุ่มน้อยใด ๆ มาในจำนวนมาก อีกทั้งในช่วงชีวิตผมของผมที่เคยได้มีโอกาสไปใช้ชีวิตที่ยุโรป ก็ยังผ่านความสถุลของมนุษย์อย่างการแบ่งแยก และการเหยียดเชื้อชาติ แต่มันก็ไม่ได้ลดทอนความเชื้อมั่นและความภาคภูมิในตัวเองลงไป เพียงแต่ความรู้สึกไม่ดีที่เกิดขึ้นในช่วงขณะ คงเป็นความรู้สึกสังเวชที่มีต่อสิ่งมีชีวิตที่เชื่อถือว่าตัวเองเป็นกลุ่มคนที่ทรงคุณค่าที่สุด แต่นี่ก็ว่าไม่ ..!

สารคดีเรื่องนี้บอกเล่าโดยงานเขียน เจมส์ บัลด์วิน นักเขียนและนักต่อสู้เพื่อสิทธิผิวสี โดยเล่าถึงสิ่งที่ตนได้พบเห็นผ่านสายตาที่มองไปยังโลก มองไปยังคนผิวขาว มองไปยังเหตุการณ์ และมองไปยังเพื่อนของเขา ที่ถูกสังหารจากการลุกขึ้นเพื่อทวงความเป็นมนุษย์ อันได้แก่ มาร์ติน ลูเธอร์ คิง, มัลคอล์ม x และ เม็ดการ์ เอเวอร์ส ซึ่งสิ่งที่ทำให้ผมชอบและรู้สึกรักหนังเรื่องนี้คือมุมมองและการเปรียบเปรยของบัลด์วินที่ถูกนำมาใช้ มันแปลกใหม่ น่าสนใจ โดยเฉพาะการแสดงความคิดเห็นต่อเหตุการณ์ผ่านศิลปะภาพยนตร์ในอดีต ที่สะท้อนถึงมุมมองและแนวคิดทางการเมือง แล้วยังตั้งคำถามอย่างน่าสนใจ รวมไปถึงการมองโลกในแต่ละวัยที่ทำให้เรารู้สึกย้อนแย้งในตัวเองเสมอ ในเมื่อตอนเด็กเราได้ชื่นชมสิ่งนึงอย่างไร้เดียงสา แต่โตมาเราพบว่ามันเป็นความอัปยศ ผมชอบการตีความตั้งแต่ชื่อเรื่องที่เราสามารถเข้าใจได้ หากประสบพบเจอมา คำว่า Negro Nigga Nigger ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แต่มันเป็นการแปะป้ายบนสิ่งมีชีวิตชนิดเดียวกัน และลดทอนความเป็นมนุษย์ทิ้งไปอย่างไม่ใยดี ทั้งหมดที่เขาเล่ามันสะท้อนให้เห็นถึงความน่าหดหู่ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ตั้งแต่อดีต จนถึงปัจจุบัน เป็นเหมือนเชื้อไวรัสไม่มีทางหาย และแน่นอนว่าอเมริการวมถึงโลกไม่มีทางดีได้ภายในสามวัน มีแต่เราเท่านั้นที่จะคงไว้ซึ่งความภาคภูมิ ทั้งหมดนี่ทำผมร้องไห้ออกมาด้วยความประทับใจ

ผมอยากให้ใครก็ตามที่ผ่านไปผ่านมาแล้วได้อ่านสิ่งที่ผมเขียนนี้ ลองไปดูกันครับ มันไม่ใช่หนังทาสผิวสี หรือหนังเหยียดผิว ไม่ใช่หนังที่พาไปเจาะชีวิต หรือเรียกคนมาสังเวชชีวิตคนผิวสีในอดีต ไม่เค้นอารมณ์ ไม่ดราม่า แต่มันเป็นหนังที่ทำให้เราเข้าใจ และตกตะกอนสงสัยบ้าง ถึงกรอบศีลธรรม และความดำมืดที่เคยเกิด และกำลังเกิดขึ้น มันดีงาม และไม่น่าเบื่อครับ หนังกระชับ เป็นสารคดีที่ตัดต่อได้ดี ใช้เพลงได้ดี และแน่นอนว่าถ้าคุณรักหนัง คุณจะได้รู้จักหนัง (เก่า ๆ)เยอะยิ่งขึ้น แต่เป็นการรู้จักผ่านแนวคิดของนักเขียนอีกที เหมือนคุณได้อ่านรีวิวของนักวิจารณ์แบบสั้น ๆ เลย เอาเป็นว่าผมอยากให้ได้ชมกันมาก ๆ Highly Recommend เลยครับ เป็นสารคดีที่ยอดเยี่ยมและทรงคุณค่ามากจริง ๆ